ข่าวประชาสัมพันธ์ ลงนาม PSC แปลงปิโตรเลียมในอ่าวไทย สร้างความมั่นคงพลังงานระยะยาว

G2/65 PSC signing ceremony
กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน ลงนามสัญญาแบ่งปันผลผลิตกับบริษัทผู้ได้รับสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในทะเลอ่าวไทย ครั้งที่ 24 ภายใต้ระบบสัญญาแบ่งปันผลผลิต จำนวน 3 แปลง รวมขนาดพื้นที่กว่า 30,000 ตารางกิโลเมตร หลังจากที่ประเทศไทยไม่ได้มีการเปิดให้สิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในพื้นที่ใหม่มาเป็นเวลา 16 ปีแล้ว  และเนื่องจากพื้นที่แปลงสำรวจดังกล่าวอยู่ใกล้กับพื้นที่ที่เคยได้รับการอนุมัติพื้นที่ผลิตไปแล้ว และอยู่ใกล้กับพื้นที่ที่มีการผลิตอยู่ในปัจจุบัน จึงมีความเป็นไปได้ที่จะสำรวจพบปิโตรเลียมเพิ่มเติม ช่วยสร้างความมั่นคงทางพลังงานของประเทศในระยะยาว 

30 พฤษภาคม 2566 - นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วยนายสราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ และผู้บริหารของกระทรวงพลังงาน ได้ร่วมพิธีลงนามสัญญาแบ่งปันผลผลิตกับบริษัทผู้ได้รับสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียม สำหรับแปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทย ครั้งที่ 24 จำนวน 3 แปลง ซึ่งเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2566 ที่ได้อนุมัติให้บริษัท ปตท.สผ. เอนเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (ปตท.สผ.อีดี) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. เป็นผู้ได้รับสิทธิเป็นผู้รับสัญญาแบ่งปันผลผลิตสำหรับแปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทยหมายเลข G1/65 และ G3/65 ขนาดพื้นที่รวม 20,133.87 ตารางกิโลเมตร และบริษัท เชฟรอน ออฟชอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้ได้รับสิทธิเป็นผู้รับสัญญาแบ่งปันผลผลิตสำหรับแปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทยหมายเลข G2/65 ขนาดพื้นที่ 15,030.14 ตารางกิโลเมตร 

“กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ มีภารกิจหลักในการกำกับดูแลกิจกรรมการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม รวมถึงการแสวงหาแหล่งพลังงานเชื้อเพลิงเพื่อความมั่นคงทางพลังงานของประเทศไทย โดยการให้สิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในครั้งนี้ เพื่อเพิ่มโอกาสในการพบแหล่งปิโตรเลียมใหม่ของประเทศไทย ซึ่งสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ การสร้างความมั่นคงในการจัดหาเชื้อเพลิงธรรมชาติจากแหล่งภายในประเทศ การลงนามในสัญญาแบ่งปันผลิตในวันนี้ นอกจากจะช่วยสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศในระยะยาวอย่างต่อเนื่องแล้ว ยังนับว่าเป็นหนึ่งในมาตรการในการช่วยขับเคลื่อน และกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศจากธุรกิจต่อเนื่องอื่น ๆ ในอุตสาหกรรมสำรวจและผลิตปิโตรเลียม อาทิ ธุรกิจเกี่ยวกับการสร้างแท่นผลิตปิโตรเลียม ธุรกิจภาคขนส่งรวมถึงธุรกิจร้านอาหาร โรงแรมอีกด้วย”
 
นายรณรงค์ ชาญเลขา ผู้จัดการใหญ่ บริษัท เชฟรอน ออฟชอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยในฐานะผู้รับสัญญาแบ่งปันผลิตสำหรับแปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทยหมายเลข G2/65 ว่า “บริษัท เชฟรอน ออฟชอร์ (ประเทศไทย) รู้สึกเป็นเกียรติและยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับความไว้วางใจจากรัฐบาลไทย ซึ่งได้นำมาสู่การร่วมลงนามในสัญญาแบ่งปันผลผลิตในวันนี้ เราพร้อมที่จะทำงานร่วมกับกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน ในการพัฒนาแปลงสำรวจหมายเลข G2/65 อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย บุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ และแนวทางปฏิบัติงานมาตรฐานระดับโลก เพื่อส่งมอบพลังงานที่สะอาดขึ้น อย่างปลอดภัย และเชื่อถือได้ ให้กับประเทศ เพื่อสนับสนุนความมั่นคงทางพลังงาน ส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนร่วมขับเคลื่อนประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำในระยะยาวต่อไป”

ทั้งนี้ การให้สิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในครั้งนี้ จะก่อให้เกิดการลงทุนสำรวจและพัฒนาปิโตรเลียมภายในประเทศตลอดช่วงระยะเวลาสำรวจปิโตรเลียม 6 ปี เป็นเงินไม่น้อยกว่า 1,500 ล้านบาท รวมทั้งได้รับผลประโยชน์พิเศษในรูปแบบของค่าตอบแทนการลงนาม เงินอุดหนุนเพื่อการพัฒนาปิโตรเลียมในประเทศไทย และอื่น ๆ เป็นเงินประมาณ 640 ล้านบาท และหากสามารถพัฒนาและผลิตปิโตรเลียมได้ในเชิงพาณิชย์ ในแปลงสำรวจปิโตรเลียมดังกล่าวก็จะสามารถสร้างรายได้ให้แก่รัฐในรูปแบบของค่าภาคหลวงภาษีเงินได้ปิโตรเลียม และส่วนแบ่งปิโตรเลียมที่เป็นกำไรด้วย

 
G2/65 PSC signing ceremony